รับทำSEOราคาถูก, โปรโมทเว็บ, รับจ้างโฆษณาสินค้า

อุปกรณ์ออกบูธ, บูธสำเร็จรูป

รับทำseoราคาถูก, รับดันอันดับเว็บ, รับโปรโมทเว็บราคาถูก รับติดแบนเนอร์ รับติดแบนเนอร์ รับติดแบนเนอร์ รับติดแบนเนอร์ รับติดแบนเนอร์

รับติดแบนเนอร์ ตอกเสาเข็ม, ขายเสาเข็ม, ขายแผ่นพื้น, ปั้นจั่น, รับผลิตเสาเข็ม รับติดแบนเนอร์ ไนโตรเจนเหลว รับติดแบนเนอร์ รับติดแบนเนอร์

รับทาสีอาคาร รับติดป้ายแบนเนอร์ ป้ายโฆษณา รับติดแบนเนอร์ รับติดป้ายแบนเนอร์ ป้ายโฆษณา รับติดตั้งตาข่ายกันนก รับติดแบนเนอร์

รับทำseoราคาถูก, รับโปรโมทเว็บไซต์, รับดันอันดับเว็บไซต์, รับทำเว็บไซต์, ออกแบบเว็บไซต์ราคาถูก, รับประกันติดgoogle

ผู้เขียน หัวข้อ: ถิ่นกำเนิดบุกและการขยายพันธุ์ของบุกซึ่งมีสรรพคุณมากมายน่าสนใจ  (อ่าน 123 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

watamon

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 46
    • ดูรายละเอียด

Permalink: ถิ่นกำเนิดบุกและการขยายพันธุ์ของบุกซึ่งมีสรรพคุณมากมายน่าสนใจ

ถิ่นกำเนิดบุก
บุกเป็นพืชหัว เริ่มเป็นที่รู้จักเมื่อประมาณ 100 กว่าปีมาแล้วโดยนักพฤกษศาสตร์ชาวอิตาลี Odoardo Beccari  ได้ค้นพบพืชในสกุลบุกชนิดหนึ่ง คือ Amophophallus  titanium (Becc.) Ex  Arcang. ในป่าของประเทศอินโดนีเซียด้วยขนาดดอกที่ใหญ่มหึมาและลักษณะรูปพรรณสัณฐาน  สีสันสวยงาม แปลตาได้ปลุกเร้าความสนใจของนักพฤกษศาสตร์ และคนทั่วไปให้หันมาศึกษาและให้ความสำคัญกับพืชนี้มากขึ้น   และได้ขนานนามดอกไม้ขนาดยักษ์นี้ว่า “ดอกไม้มหัศจรรย์” สายพันธุ์บุกในโลกมีไม่ต่ำกว่า 90 ชนิด  มีถิ่นกำเนิดในประเทศเอเชีย  พบมากที่สุดในแถบประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  โดยเฉพาะประเทศอินโดนีเซียที่พบเจอมากกว่า 80 ชนิด จากการสำรวจพบเจอว่ามีพืชสกุลบุกอยู่ประมาณ 170 ชนิดทั่วโลก และพบในประเทศไทย 46 ชนิด (เต็ม, 2544 และ Hetterscheid & Ittenbach, 1996) เจริญเติบโตและแพร่กระจายอยู่ทั่วทุกภาคของประเทศโดยเฉพาะบริเวณป่าโปร่งที่เป็นแหล่งอาศัยของพืชพื้นเมือง

  • ภาคเหนือ พบที่  แม่ฮ่องสอน  เชียงใหม่  เชียงราย  พะเยา  ลำพูน  ลำปาง แพร่  น่าน พิจิตร  อุดรดิตถ์  กำแพงเพชร  พิษณุโลก  และสุโขทัย
  • ภาคกลาง พบที่  กรุงเทพมหานคร  นนทบุรี  ธนบุรี  ปทุมธานี  และปราจีนบุรี
  • ภาคใต้      พบที่  ประจวบคีรีขันธ์  ชุมพร  ระนอง  ปัตตานี  พังงา  ภูเก็ต  สุราษฎร์ธานี  กระบี่  ยะลา  และนราธิวาส
  • ภาคตะวันออก พบในหลายจังหวัดทางฝั่งทะเลตะวันออก
  • ภาคตะวันตก พบเห็นที่  สุพรรณบุรี  กาญจนบุรี  และ  เพชรบุรี
  • ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ พบมากที่นครราชสีมา และ  บุรีรัมย์

    ลักษณะทั่วไปบุก
      ลักษณะทางพฤกษศาสตร์  ไม่ล้มลุกเนื้ออ่อน ลำต้นอวบ สีเขียวเข้ม ตามต้นมีรอยด่างเป็นดวงๆ เขียวสลับขาว  ใบเป็นชนิดใบเดี่ยว  แตกใบที่ยอด  กลุ่มใบแผ่เป็นแผงคล้ายร่มกางก้านใบต่อเนื่องกันเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 5 – 7 ใน รูปใบยาวปลายใบแหลม  ขนาดใบยาว 12 – 15 ซม. ลำต้นสูง 1 – 2 เมตร  ดอกบุกเป็นสีเหลือง บานในตอนเย็นมีกลิ่นเหม็น  เหมือนหน้าวัว ประกอบด้วยปลี  และจานรองดอก  จานรองดอกมีเส้นผ่านศูนย์กลาง  12 – 15 ซม. เกสรตัวผู้และตัวเมียรวมอยู่ในดอกเดียวกัน  แต่แยกกันอยู่คนละชั้น  เมื่อบานจานรองดอกจะโรย  เหลืออยู่แต่ปลีดอก  ซึ่งจะกลายเป็นผล  ก่อนออกดอกต้นจะตายเหลือแต่หัว ซึ่งเป็นก้อนกลมสีขาว ขนาด 6 – 10 ซม.เจริญเติบโตอยู่ใต้ดิน
    การขยายพันธุ์
    โดยปกติบุกแพร่พันธุ์ได้ตามธรรมชาติด้วยการแตกหน่อหรือเมล็ด  เมื่อเมล็ดบุกแก่จัดจะร่วงกระจัดกระจายลงสู่พื้นดิน  จากการเฝ้าสังเกตของนักพฤกษศาสตร์ที่ศึกษาเรื่องการกระจายพันธุ์ของบุกรายงานว่าในประเทศอินเดียและประเทศอื่นบางประเทศพบนกเงือกและนกกาเขนกินผลบุก  เนื่องจากผลของบุกส่วนใหญ่มีสีสดใสจึงดึงดูดให้นกมากินซึ่งเป็นการช่วยกระจายพันธุ์บุกตามธรรมชาติอีกวิธีหนึ่ง  สำหรับในประเทศไทยยังไม่เคยมีรายงานในเรื่องนี้ แต่จากการสังเกตในแปลงรวบรวมตัวอย่างบึกพบว่ามีนกปรอดหัวโขนมากินผลซึ่งกำลังสุกแดง  ซึ่งนอกจากนกแล้วมนุษย์ยังเป็นตัวการสำคัญในการกระจายพันธุ์ของบุก โดยการนำส่วนขยายพันธุ์ของบุก คือ เมล็ด หัว และส่วนขยายพันธุ์อื่นไปปลูกตามบ้านเรือนและไร่นา จึงทกให้มีบุกเจริญเติบโตอยู่ทั่วไป
    บุกสามารถขยายพันธุ์ได้หลายวิธีดังนี้

  • โดยวิธีการเพาะเมล็ด บุกสามารถขยายพันธุ์ได้เองตามธรรมชาติ โดยเมล็ดที่ร่วงหล่นลงดินสามารถงอกเป็นต้นใหม่ได้  จากการลองในห้องปฏิบัติการและภาคสนาม  พบเห็นว่าเมล็ดบุกส่วนใหญ่มีความงอกมากว่า 90%  และบุกบางชนิดมีระยะพักตัวเป็นเวลานานถึง 4 เดือน
  • โดยวิธีการแตกหนอจากหัวเดิม บุกบางชนิดมีหน่อขนาดเล็กเป็นจำนวนมากอยู่บนหัวเดิม  ซึ่งหน่อเหล่านี้  สามารถแยกไปปลูกเป็นต้นใหม่ได้หรือใช้วิธีตัดแบ่งหัวเกา แล้วนำไปปลูกขยายพันธุ์แต่มักมีปัญหาเรื่องหัวเน่า
  • โดยใช้เหง้า (Rhizome) บุกบางชนิดเมื่อเจริญเติบโตเต็มที่จะมีเหง้าแตกออกมาจากหัวเติมโดยรอบมีความยาว 10 – 30 เซนติเมตร นำเหง้ามาตัดแบ่งเป็นท่อนสั้นๆ  แล้วนำไปปลูกขยายพันธุ์ได้อีกวิธีหนึ่ง


 

เครดิตบทความจาก : http://www.disthai.com/16488234/%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%81



โปรโมทเว็บ โฆษณาสินค้าออนไลน์ ประกาศขายสินค้าฟรี รับจ้างโพสเว็บ รับทำSEOราคาถูก