พี่เลี้ยงเด็ก คัดยังไงให้เจอคนที่ไว้ใจได้
“พี่เลี้ยงเด็ก” คือคนที่จะช่วยแบ่งเบาภาระการดูแลลูกให้คุณพ่อคุณแม่ ในสมัยนี้ที่คุณแม่หลายบ้านไม่ได้เป็นคุณแม่ฟูลไทม์อีกต่อไป ไม่ว่าจะด้วยสภาพเศรษฐกิจหรืออะไรต่างๆที่นำพาให้ทั้งคุณพ่อคุณแม่ต้องช่วยกันทำงานนอกบ้านเพื่อหาเงินเข้าครอบครัว และความเป็นครอบครัวเดี่ยวที่ไม่ได้มีปู่ย่าตายายอยู่ร่วมกันอีกแล้ว การมีพี่เลี้ยงเด็กสักคนนั้นก็จะช่วยแบ่งเบาภาระในการดูแลลูกไปได้เยอะ หลายๆครอบครัวอาจจะกำลังคิดหา
พี่เลี้ยงเด็กกันอยู่ แต่ก็ติดปัญหาเรื่องความไว้ใจ คุณพ่อคุณแม่ไม่รู้ว่าจะหาคนที่ไว้ใจได้มาทำหน้าที่อันสำคัญนี้ได้จากที่ไหน จะลงประกาศในอินเตอร์เน็ตดี จะสอบถามจากเพื่อนๆเรื่องศูนย์เลี้ยงเด็ก หรือว่าควรไปที่ศูนย์จัดหางานจังหวัดจะดีกว่า แม้จะมีคนสมัครงานพี่เลี้ยงเด็กเข้ามาแล้วก็ยังหวั่นใจเรื่องความปลอดภัยของลูกน้อยอยู่ดี Motherhood เข้าใจถึงความกังวลนี้นะคะ ลองติดตามอ่านบทความนี้ดู จะได้ทราบเทคนิคในการคัดเลือกพี่เลี้ยงเด็กเพื่อให้เจอคนที่ไว้ใจได้ค่ะ
การติดต่อศูนย์พี่เลี้ยงเด็กคุณพ่อคุณแม่ลองขอคำแนะนำจากเพื่อนๆรอบตัวหรือญาติๆที่เคยจ้างพี่เลี้ยงเด็ก เพื่อจะได้ทราบว่าเขาได้พี่เลี้ยงคนนั้นมาจากศูนย์ไหน เพราะตอนนี้การจ้างงานพี่เลี้ยงผ่านศูนย์เลี้ยงเด็กเป็นวิธีที่นิยมกันมากที่สุด ไม่ค่อยมีใครลงประกาศรับงานเป็นส่วนตัวสักเท่าไหร่แล้ว การขอคำแนะนำจากคนรอบตัวที่เคยจ้างพี่เลี้ยงจากศูนย์จะทำให้เราได้ศูนย์ที่ไว้ใจได้ และควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าทางศูนย์มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจอย่างถูกต้องหรือไม่ด้วย
ระบุคุณสมบัติที่ต้องการการจ้างพี่เลี้ยงจากศูนย์นั้น คุณพ่อคุณแม่สามารถระบุคุณสมบัติที่ต้องการได้ ไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์ทำงาน อายุ ระดับการศึกษา ช่วงเงินเดือนที่ทางครอบครัวรับได้ ซึ่งสมัยนี้ไม่ค่อยมีใครจ้างพี่เลี้ยงด้วยค่าตัวที่ต่ำกว่า 15,000 บาทต่อเดือนอีกแล้ว และยิ่งเป็นพี่เลี้ยงที่มีประสบการณ์สูงและเรียนจบสูงกว่าม.3 ก็จะยิ่งมีค่าจ้างที่แพงขึ้นไปอีก นอกจากนี้ยังต้องตกลงเวลาการทำงานให้ดีอีกด้วยว่ารวมเสาร์อาทิตย์หรือไม่ เพราะพี่เลี้ยงบางคนก็มีครอบครัวแล้ว จึงต้องการหยุดวันนึงเพื่อใช้เวลากับครอบครัวตัวเอง และรวมไปถึงเรื่องโอทีก็ต้องระบุให้ชัดเจน
ต้องนัดสัมภาษณ์งานก่อนไหม?การสัมภาษณ์พี่เลี้ยงก่อนตัดสินใจจ้างงานเป็นเรื่องที่จำเป็นมาก เพราะคุณพ่อคุณแม่สามารถดูบุคลิกของผู้สมัคร ความสะอาด การแต่งเนื้อแต่งตัว ในส่วนนี้ทางศูนย์จะส่งพี่เลี้ยงมาตามวันนัดและมีเจ้าหน้าที่อีกคนติดตามมาด้วยเพื่อประสานงาน
ควรถามหรือคุยอะไรกับผู้สมัครบ้าง?1. ประวัติส่วนตัว – ถามชื่อ อายุ ย่านที่พัก ภูมิลำเนาเดิม โรคประจำตัว ประวัติส่วนตัวเล็กน้อยพวกนี้หลายครั้งมันก็มีผลต่อรายละเอียดของงาน ถ้าลูกเราอยู่ในวัยกำลังซน วิ่งเล่นแทบทั้งวัน ก็ไม่ควรจ้างพี่เลี้ยงที่อายุมากเกินไปนักหรือเป็นหอบหืด ย่านที่พักก็สำคัญ คนที่พักไม่ไกลเราก็ย่อมได้เปรียบกว่าในเรื่องการเดินทาง ส่วนเรื่องสุขภาพก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะคุณพ่อคุณแม่คงไม่อยากรับคนที่เป็นโรคติดต่อมาเป็นพี่เลี้ยง
2. ประวัติการทำงาน – ถือว่าเป็นหัวใจหลักของการสัมภาษณ์เลยก็ว่าได้ เพราะจะทำให้คุณพ่อคุณแม่รู้ถึงประสบการณ์ของผู้สมัครได้เป็นอย่างดี ว่าเขาทำงานเป็นพี่เลี้ยงมากี่ปีแล้ว เคยดูแลเด็กมากี่คน เด็กเหล่านั้นอายุเท่าไหร่บ้าง เคยอยู่กับนายจ้างนานที่สุดกี่ปี แต่ละวันที่ทำงานกับเด็กต้องทำอะไรบ้าง ขอบข่ายการดูแลเด็กเป็นยังไง เคยได้รับการฝึกอบรมจากที่ไหนมาหรือไม่ รวมถึงสามารถทำโอทีได้หรือเปล่า ถ้าจะให้ดีควรขอรายละเอียดติดต่อนายจ้างคนก่อนไว้ด้วย เราจะได้สอบถามเขาเพื่อความมั่นใจอีกแรง
3. กฎของบ้าน – ควรแจ้งผู้สมัครให้ทราบถึงกฎของบ้านให้ทราบตั้งแต่แรก เพื่อที่หลังตกลงจ้างงานแล้วจะได้ไม่ต้องมีปัญหาว่าปฏิบัติตามไม่ได้ อย่างเช่น ไม่อนุญาตให้ลูกๆดื่มน้ำอัดลม หรือไม่อนุญาตให้ใช้งานทีวีและแท็บเล็ทเลย ถ้าต้องการสอบถามเพิ่มเติมว่าจะทำอย่างไรหากเด็กละเมิดกฎเพื่อเช็คปฏิภาณไหวพริบของผู้สมัครก็สามารถทำได้
เริ่มงานเมื่อไหร่ดีเมื่อเจอผู้สมัครที่ถูกใจแล้วก็สามารถเจรจาตกลงค่าจ้างกับทางศูนย์ได้เลย เพราะส่วนมากศูนย์จะเป็นฝ่ายกำหนดค่าจ้างเอง ไม่ใช่ตัวผู้สมัคร ควรรีบตกลงใจ เพราะพี่เลี้ยงดีๆมีคนต้องการเยอะ ถ้ามีบ้านไหนที่ให้ค่าจ้างสูงกว่า เราก็จะพลาดโอกาสไปอย่างน่าเสียดาย
อยากให้ลูกได้ภาษาอังกฤษ จ้างพี่เลี้ยงฟิลิปปินส์ดีไหม?หลังจากประเทศไทยเปิดสู่ AEC อย่างเป็นทางการ แรงงานต่างด้าวจากฟิลิปปินส์ก็หลั่งไหลเข้ามารับจ้างในบ้านเรามากขึ้น งานที่หลายคนนิยมมาทำคือเป็นพี่เลี้ยงเด็ก คุณพ่อคุณแม่หลายคนจึงนิยมจ้างพี่เลี้ยงชาวฟิลิปปินส์เพื่อให้ลูกๆได้มีโอกาสฝึกภาษาอังกฤษ โดยเฉพาะทักษะการฟังและพูด ข้อดีก็คือทำให้ลูกได้ภาษาโดยไม่ต้องจ่ายเงินที่แพงมากเมื่อเทียบกับการไปเรียนภาษาเพิ่มเติมแบบหวังผลจริงจัง และพี่เลี้ยงจากฟิลิปปินส์ส่วนมากก็จบการศึกษามาในระดับที่ดีและได้รับการฝึกอบรมมาอย่างถูกวิธี แต่การจ้างงานอาจจะยุ่งยากอยู่สักหน่อยเพราะทางไทยและฟิลิปปินส์เองยังไม่มีข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านการจ้างแรงงานระหว่างรัฐ ทำให้การจ้างงานพี่เลี้ยงชาวฟิลลิปปินส์จะใช้หลักเกณฑ์เดียวกับการจ้างแรงงานต่างด้าวทั่วไปซึ่งต้องเป็นการจ้างผ่านนิติบุคล ในส่วนนี้คุณพ่อคุณแม่ที่อยากจ้างพี่เลี้ยงฟิลิปปินส์ก็สามารถทำตามขั้นตอนเดียวกับการจ้างแรงงานต่างด้าวจากประเทศอื่นได้เลย
ทั้งหมดนี้ก็เป็นขั้นตอนคร่างๆในการติดต่อจ้างงานพี่เลี้ยงเด็ก รวมทั้งเคล็ดลับในการสัมภาษณ์ผู้สมัคร เพื่อคัดกรองเอาคนที่ไว้ใจได้มาคอยช่วยดูแลลูกรักของเรา Motherhood ขอให้คุณพ่อคุณแม่ที่มีความต้องการหาพี่เลี้ยงได้เจอพี่เลี้ยงเด็กที่ดีที่น่ารักกันทุกบ้านเลยนะคะ
บทความแนะนำ
อยู่ไฟหลังคลอด หรือ
เด็กฟันผุ อ่านบทความสำหรับแม่และเด็กอื่นๆที่น่าสนใจได้ที่นี่ >>
story.motherhood.co.thมองหาสินค้าสำหรับแม่และเด็กในราคาสุดพิเศษได้เลยที่ >>
Motherhood.co.th