รับทำSEOราคาถูก, โปรโมทเว็บ, รับจ้างโฆษณาสินค้า

อุปกรณ์ออกบูธ, บูธสำเร็จรูป

รับทำseoราคาถูก, รับดันอันดับเว็บ, รับโปรโมทเว็บราคาถูก รับติดแบนเนอร์ รับติดแบนเนอร์ รับติดแบนเนอร์ รับติดแบนเนอร์ รับติดแบนเนอร์

รับติดแบนเนอร์ ตอกเสาเข็ม, ขายเสาเข็ม, ขายแผ่นพื้น, ปั้นจั่น, รับผลิตเสาเข็ม รับติดแบนเนอร์ ไนโตรเจนเหลว รับติดแบนเนอร์ รับติดแบนเนอร์

รับทาสีอาคาร รับติดป้ายแบนเนอร์ ป้ายโฆษณา รับติดแบนเนอร์ รับติดป้ายแบนเนอร์ ป้ายโฆษณา รับติดตั้งตาข่ายกันนก รับติดแบนเนอร์

รับทำseoราคาถูก, รับโปรโมทเว็บไซต์, รับดันอันดับเว็บไซต์, รับทำเว็บไซต์, ออกแบบเว็บไซต์ราคาถูก, รับประกันติดgoogle

ผู้เขียน หัวข้อ: Doctor At Home: สายตาสั้น (Myopia/Nearsightedness)  (อ่าน 11 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

siritidaphon

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2763
  • รับโปรโมทเว็บ รับโพสต์เว็บราคาถูก โปรโมทเว็บ www.posthitz.com
    • ดูรายละเอียด
Doctor At Home: สายตาสั้น (Myopia/Nearsightedness)
« เมื่อ: สิงหาคม 26, 2024, 05:01:01 PM »

Permalink: Doctor At Home: สายตาสั้น (Myopia/Nearsightedness)
Doctor At Home: สายตาสั้น (Myopia/Nearsightedness)

สายตาสั้น เป็นความผิดปกติของสายตา ที่มีอาการมองใกล้ชัด แต่มองไกลไม่ชัด เป็นภาวะที่พบได้บ่อย (พบได้ประมาณร้อยละ 25 ของเด็กในวัยเรียน) อาจเป็นเพียงตาข้างเดียว หรือ 2 ข้างก็ได้ และสายตาทั้ง 2 ข้างอาจจะสั้นไม่เท่ากันก็ได้

โรคนี้มักพบเป็นกันหลายคนในหมู่ญาติพี่น้องในครอบครัวเดียวกัน

สายตาสั้น แบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่ สายตาสั้นชนิดไม่รุนแรง (ซึ่งพบเห็นเป็นส่วนใหญ่ มีภาวะสายตาสั้นไม่รุนแรง และไม่มีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง) และสายตาสั้นชนิดรุนแรง (ซึ่งพบได้น้อย สายตาสั้นค่อนข้างมากถึงรุนแรง และมักมีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง)

สาเหตุ

สายตาสั้น มีสาเหตุจากกระจกตามีความโค้งมากกว่าปกติ ซึ่งมีกำลังในการหักเหแสงมากขึ้น ทำให้จุดรวมแสงของภาพของวัตถุที่อยู่ไกลตกอยู่ข้างหน้าจอตา ไม่ตกตรงจอตาพอดี จึงมีอาการมองไกล ๆ ไม่ชัด

  สายตาสั้นยังอาจเกิดจากกระบอกตามีความยาว (ระยะจากกระจกตาถึงจอตา) มากกว่าปกติ ทำให้จุดรวมแสงของภาพของวัตถุที่อยู่ไกลตกไม่ถึงจอตา ทำให้เกิดอาการมองไกลไม่ชัด มักทำให้มีสายตาสั้นที่ค่อนข้างมากถึงรุนแรง

เชื่อว่าความผิดปกติดังกล่าวเป็นสิ่งที่เป็นมาแต่กำเนิดโดยธรรมชาติของคนคนนั้น อาจมีความสัมพันธ์กับกรรมพันธุ์และเชื้อชาติ

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยที่ส่งเสริมให้เกิดอาการสายตาสั้น ได้แก่ การใช้เวลามากในการเพ่งมองวัตถุที่อยู่ใกล้ (เช่น การอ่านหนังสือ เขียนหนังสือ ดูจอคอมพิวเตอร์) หรือการเล่นสมาร์ตโฟนเป็นเวลานาน ๆ เป็นประจำ การใช้เวลาในที่กลางแจ้งน้อย

อาการ

สายตาสั้น จะมีอาการมองไกล ๆ (เช่น มองกระดานดำ ดูโทรทัศน์) ไม่ชัด ต้องคอยหยีตา แต่มองใกล้ (เช่น อ่านหนังสือ ดูจอคอมพิวเตอร์) ได้ชัดเจน

  ผู้ป่วยอาจมีอาการปวดศีรษะหรือตาล้าจากการเพ่งมองวัตถุที่อยู่ไกล

เด็กที่มีสายตาสั้น อาจมีอาการกะพริบตาบ่อย ใช้นิ้วขยี้ตาบ่อย นั่งดูทีวีใกล้จอ และถ้าสายตาสั้นมาก ๆ อาจมีอาการตาเขร่วมด้วย

สำหรับสายตาสั้นชนิดไม่รุนแรง จะเริ่มมีอาการแสดงในระยะที่เริ่มเข้าโรงเรียน และจะค่อย ๆ เป็นมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งอายุ 25 ปีจึงอยู่ตัวไม่สั้นมากขึ้น สายตาสั้นชนิดนี้จะไม่สั้นมาก และไม่มีภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรง

  ในรายที่เป็นสายตาสั้นชนิดรุนแรง ซึ่งมักเกิดจากมีกระบอกตายาวกว่าปกติมากและอาจมีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง อาจพบว่าในระยะแรกจะมีอาการสายตาสั้นคล้ายชนิดไม่รุนแรง แต่จะมีสายตาสั้นมากขึ้นเรื่อย ๆ ตามอายุที่มากขึ้น แม้เลยวัย 25 ปีไปแล้ว หรืออาจพบมีอาการสายตาสั้นขนาดมาก ๆ มาตั้งแต่อายุน้อย (ในวัยรุ่น) จะสังเกตเห็นเมื่อเด็กเริ่มหัดเดิน มักจะเดินชนถูกสิ่งกีดขวาง หกล้มบ่อย ๆ หรือเวลามองดูอะไรต้องเข้าไปใกล้ ๆ จนตาแทบชิดกับวัตถุที่มอง ต้องสวมแว่นหนา ๆ อาจต้องเปลี่ยนแว่นแรงขึ้นเรื่อย ๆ

  สายตาสั้นชนิดรุนแรงที่พบตั้งแต่วัยเด็กดังกล่าว เรียกว่า "สายตาสั้นชนิดร้าย (malignant myopia)" เป็นภาวะที่พบได้น้อย มีความผิดปกติที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม


ภาวะแทรกซ้อน

ความบกพร่องในการมองเห็น ทำให้เกิดความบกพร่องในการเรียนและการทำงาน และอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย (เช่น ขณะขับรถ หรือทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักร)

เด็กเล็กที่มีสายตาสั้นมาก ๆ อาจเกิดอาการตาเขได้

สำหรับสายตาสั้นชนิดรุนแรง อาจมีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง เช่น ต้อกระจก ต้อหิน จอประสาทตาฉีกขาดหรือหลุดลอก เลือดออกที่จอตา เป็นต้น ทำให้ตาบอดได้

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยด้วยการใช้เครื่องตรวจวัดสายตาและการตรวจสุขภาพตาซึ่งมีอยู่หลายวิธีด้วยกัน และอาจวัดสายตาด้วยการทดลองให้มองผ่านเลนส์หลาย ๆ ขนาดเพื่อหาขนาดที่ให้ความคมชัดที่สุด

บางครั้งแพทย์อาจให้ยาหยอดตาขยายรูม่านตา เพื่อเปิดมุมกว้างสำหรับการตรวจภายในลูกตาได้ละเอียด อาจทำให้เห็นแสงจ้า หรือรู้สึกตาพร่ามัวอยู่สักพักใหญ่ และจะหายดีหลังจากยาหมดฤทธิ์


การรักษาโดยแพทย์

ถ้ามีอาการเล็กน้อย และไม่มีอุปสรรคต่อการเรียนหรือการทำงาน แพทย์อาจแนะนำให้เฝ้าสังเกตอาการและนัดมาตรวจวัดสายตาเป็นระยะ

สำหรับผู้ที่มีสายตาสั้นซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการเรียนหรือการทำงาน แพทย์จะทำการแก้ไขด้วยการให้ผู้ป่วยใส่แว่นชนิดเลนส์เว้า หรือเลนส์สัมผัสหรือคอนแทคเลนส์* ตามขนาดสายตาที่ตรวจวัดได้

ในผู้ที่เป็นสายตาสั้นชนิดรุนแรง แพทย์จะนัดมาตรวจวัดสายตา ปรับเปลี่ยนแว่น และตรวจดูภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดตามมาเป็นระยะ

  แพทย์อาจให้การรักษาด้วยการผ่าตัดร่วมกับการใช้เลเซอร์ เพื่อปรับความโค้งของกระจกตาให้จุดรวมแสงตกบนจอตาพอดี สำหรับผู้ที่มีอายุมากกว่า 20 ปี มีสายตาที่คงที่แล้ว และไม่มีภาวะที่เป็นข้อห้ามในการทำการผ่าตัด การรักษาด้วยการผ่าตัดแบบนี้มีอยู่หลายวิธี

  ที่นิยมได้แก่ วิธีที่เรียกว่า เลสิก (LASIK ซึ่งย่อมาจาก laser assisted in situ keratomileusis) โดยแพทย์จะใช้มีดเฉพาะ (microkeratome) ฝานกระจกตาโดยรอบ และใช้เลเซอร์ (excimer laser) ยิงให้กระจกตาส่วนที่อยู่ตรงกลางแบนลงให้ได้ขนาดที่เหมาะกับระดับของสายตาสั้น

นอกจากนี้ แพทย์อาจรักษาด้วยวิธีอื่น ๆ** รวมทั้งการผ่าตัดฝังเลนส์เทียม (intraocular lens implant/IOL) โดยแพทย์จะผ่ากระจกตาเป็นรอยเล็ก ๆ แล้วฝังเลนส์ตาเทียมเข้าไปในตาของผู้ป่วย ซึ่งช่วยให้จุดรวมแสงของภาพของวัตถุที่อยู่ไกลตกตรงจอตา ทำให้มองเห็นได้ชัดขึ้น

ผลการรักษา ส่วนใหญ่ช่วยให้มีสายตาเป็นปกติ สำหรับสายตาสั้นชนิดรุนแรงซึ่งพบได้เป็นส่วนน้อยอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงได้

*ผู้ที่มีสายตาผิดปกติ บางคนอาจนิยมใส่เลนส์สัมผัสหรือคอนแท็กต์เลนส์ (contact lenses) ซึ่งมีให้เลือกอยู่หลายชนิด การใช้เลนส์สัมผัสมีข้อควรระวังในการใช้และการดูแลเป็นพิเศษมากกว่าการใส่แว่น หากใช้ไม่ถูกต้อง อาจทำให้เกิดการติดเชื้อที่ตาและแผลกระจกตา (corneal ulcer) ได้ ก่อนใช้ควรขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ และปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด หากพบว่ามีอาการผิดปกติ เช่น รู้สึกเคืองตา น้ำตาไหลมากกว่าปกติ ตาแดง ตามัว เป็นต้น ควรถอดเลนส์สัมผัสออก และไปปรึกษาแพทย์โดยเร็ว

**ในปัจจุบัน นอกจากเลสิก (LASIK) แล้ว ยังมีวิธีใหม่ ๆ ในการรักษาสายตาสั้นอีกหลายวิธี เช่น Laser-assisted subepithelial keratectomy (LASEK), Photorefractive keratectomy (PRK), Small incision lenticule extraction (SMILE) เป็นต้น ซึ่งมีข้อดี ข้อเสีย ข้อห้ามและข้อควรระวังต่าง ๆ กันไป ควรปรึกษาจักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญให้ได้ความชัดเจนว่าวิธีไหนที่เหมาะกับสภาพของผู้ป่วยแต่ละราย


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีอาการมองไกลไม่ชัด เด็กมีอาการกะพริบตาหรือขยี้ตาบ่อย ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นสายตาสั้น ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ 
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด


ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    มีอาการสายตาสั้นมากขึ้น หรือใส่แว่นสายตาแล้วยังมองเห็นไม่ชัด
    มีอาการตาล้า หรือปวดศีรษะบ่อย
    สงสัยมีภาวะแทรกซ้อนหรือความผิดปกติอื่น ๆ เช่น ปวดศีรษะมาก ปวดตามาก ตาพร่ามัว เห็นภาพซ้อน เห็นแสงวาบคล้ายฟ้าแลบหรือแสงแฟลช หรือเห็นจุดดำคล้ายเงาหยากไย่หรือแมลงลอยไปมา เป็นต้น


การป้องกัน

ยังไม่มีวิธีป้องกันที่ได้ผล เนื่องจากเกิดจากความผิดปกติของโครงสร้างตาที่เป็นมาแต่กำเนิด

อาจลดความเสี่ยงของการเกิดอาการสายตาสั้นลงด้วยการปฏิบัติตัวดังนี้

1. การส่งเสริมให้เด็กวัยรุ่นและวัยหนุ่มสาวช่วงต้นใช้เวลาอยู่ในที่กลางแจ้งให้มากขึ้น โดยสันนิษฐานว่า แสงอัลตราไวโอเลตจากแสงแดด มีส่วนช่วยยับยั้งไม่ให้กระบอกตามีความยาวมากกว่าปกติ จึงช่วยลดการเกิดสายตาสั้นได้*

2. ดูแลสุขภาพตา เพื่อป้องกันไม่ให้สายตาแย่ลง โดยการปฏิบัติตัวดังนี้

    หมั่นออกกำลังกาย ไม่สูบบุหรี่ และบริโภคอาหารสุขภาพ โดยลดของมัน ของหวาน ของเค็ม และกินผัก ผลไม้และปลาให้มาก ๆ
    ลดการสัมผัสรังสีอัลตราไวโอเลต โดยการสวมแว่นตากันแดดเวลาออกกลางแดดจ้า
    ใส่แว่นสายตาที่เหมาะกับระดับสายตา
    ใส่อุปกรณ์ป้องกันตาเวลาทำกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการบาดเจ็บของตา (เช่น เล่นกีฬา ตัดหญ้า ทาสี หรือการสัมผัสสารเคมี)
    ควบคุมโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง (ถ้าเป็นโรคเหล่านี้)
    ป้องกันอาการตาล้า โดยการพักตาเวลาใช้สายตามาก (เช่น อ่านหนังสือ เขียนหนังสือ ดูจอคอมพิวเตอร์) ทุก ๆ 20 นาที ให้มองวัตถุที่อยู่ห่างระยะ 20 ฟุต นาน 20 วินาที
    ทำกิจกรรมที่ต้องใช้สายตา (เช่น อ่านหนังสือ เขียนหนังสือ) ในที่ที่มีแสงสว่างที่มากพอ
    หมั่นตรวจเช็กสุขภาพตา (ตามที่แพทย์แนะนำ)


ข้อแนะนำ

1. ผู้ที่มีสายตาสั้นชนิดไม่รุนแรง อาจไม่ทราบว่าตัวเองมีสายตาผิดปกติเนื่องจากไม่มีอาการที่เด่นชัด ดังนั้น แนะนำว่าคนทั่วไปทั้งเด็กและผู้ใหญ่ควรตรวจวัดสายตาเป็นระยะ ตามโรงเรียนต่าง ๆ ควรมีแผ่นวัดสายตา (ที่นิยมใช้กันคือ Snellen chart) ไว้ตรวจวัดสายตานักเรียนทุกคน ถ้าพบว่าผิดปกติ จะได้ส่งเด็กไปตรวจรักษาที่โรงพยาบาล

  2. ผู้ที่เป็นสายตาสั้น จะใส่แว่นประจำหรือไม่ก็ไม่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของสายตา ความเชื่อที่ว่าใส่แว่นประจำหรือเปลี่ยนแว่นบ่อย ๆ ทำให้ตาสั้นมากขึ้นจึงไม่เป็นความจริง ถ้าสายตาจะสั้นมากขึ้นก็เพราะธรรมชาติของคนคนนั้น โดยทั่วไปเมื่ออายุประมาณ 25 ปี สายตามักจะอยู่ตัว ไม่ต้องเปลี่ยนแว่นบ่อย




โปรโมทเว็บ โฆษณาสินค้าออนไลน์ ประกาศขายสินค้าฟรี รับจ้างโพสเว็บ รับทำSEOราคาถูก

Doctor At Home: สายตาสั้น (Myopia/Nearsightedness)
« เมื่อ: สิงหาคม 26, 2024, 05:01:01 PM »
??????????