ปวดศรีษะอย่างยิ่ง ประชาสัมพันธ์ Facebook นับวันยิ่งแพง ทำอย่างไรดีเนี่ย?
เวลานี้ปฎิเสธไม่ได้ว่าการทำโฆษณาบน Facebook นั้นการแข่งขันชิงชัยค่อนข้างจะสูงมาก…
แต่พอจะไม่ทำประชาสัมพันธ์โพสต์ไปก็ไม่มีใครมองเห็นอีก โลกมันชั่งน้ำหนักอยู่ยากจริงๆภายหลังจากประชาสัมพันธ์ไปรวมทั้งจำเป็นต้องเจอกับตัวเลขอีกเต็มไปหมดไม่รู้อะไรเป็นอะไร
วันนี้แม่ค้าเลยมีสถิติ 4 ตัวไว้สำหรับวัดผลประชาสัมพันธ์ Facebook มาฝากพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ ลองมองกันจ้ะ
1.”CPM” ตัวช่วยประเมินค่าใช้สอยพื้นฐาน
Cost per 1,000 Impression หรือ CPM คือวิธีวัดผลจากปริมาณการเข้าถึงคนโดยจะเก็บเงินทุกๆ1,000 การเข้าถึง โดยการคิด CPM ของ Facebook จะมีปัจจัยสำคัญๆอยู่ 2 อย่างร่วมกัน คือ
1)จำนวนคู่แข่งที่มีเป้าหมายเดียวกัน
2)ความชี้เฉพาะหรือความยากง่ายในการเข้าถึง ยิ่งเจาะจงมากมายๆ(ปริมาณคนน้อย) ค่า CPM ยิ่งแพงเป็นปกติ
ในการนำ CPM มาใช้ประเมินผลนั้น ให้จดจำไว้ว่า “ยิ่งถูกมากแค่ไหน ยิ่งดี” เพราะเหตุว่าพอๆกับว่าพวกเราประหยัดเงินในการเข้าถึงคนได้มากขึ้นเรื่อยๆ
2.”CTR” ดูว่าโปรโมทของพวกเราน่าสนใจแค่ไหน
Facebook StatCTR หรือ Clickthrough Rate คือ อัตราปริมาณคนที่ Click เข้ามาดูโฆษณาของเรา ต่อจำนวนคนทั้งสิ้นที่เห็นโฆษณาของเรา CTR ช่วยบอกถึงความน่าสนใจของประชาสัมพันธ์ ทั้งรูปภาพรวมทั้งเนื้อความในการใช้ ถ้ารูปภาพแล้วก็ใจความตรงกับความสนใจของกรุ๊ปเป้าหมาตัวเลขนี้ก็จะยิ่งสูงมากขึ้น ถ้าหากจะให้ดีอัตราการ Click ควรอยู่ที่ 10% แต่ว่าหากไม่ถึงตัวเลขก็น่าจะมากที่สุดเท่าที่ทำได้
3.”CPC” สำหรับวัดประสิทธิภาพของประชาสัมพันธ์
CPC หรือ Cost per Clickเป็นราคาต่อ Click จะมีการคิดเงินทุกๆครั้งที่มีคน Click บนโปรโมทของพวกเราจ้ะ โดยใช้สำหรับวัดคุณภาพของโฆษณาทั้งรูปภาพรวมทั้งเนื้อความ ว่ามีความน่าสนใจมากมายน้อยแค่ไหน โดยค่า CPC นั้นควรจะจะต้องสวนกับ CTR ด้วยเหตุว่ายิ่งคน Click มาที่โฆษณาของเราเยอะแค่ไหน ค่า CPC ควรจำเป็นต้องน้อยลงรวมทั้งอัตราการ Click เข้ามานั้นจะสูงขึ้นโดยอัตโนมัติ
4.”Relevance Score” ปังไม่ปังวัดกันตรงนี้
Relevance ScoreRelevance Score เป็นตัวที่ Facebook ไม่ค่อยได้บอกอย่างแจ่มแจ้งว่าใช้อะไรที่อยู่ในการคำนวนบ้าง แต่ว่าจากการหาข้อมูลจากแหล่งต่างๆที่มีการทดลองกันมาจะสรุปได้ว่า มันเป็น คะแนนความเกี่ยวพันของประชาสัมพันธ์ของคุณกับกลุ่มเป้าหมาย โดยปัจจัยสำคัญๆที่ต้องเอาใจใส่จะมีดังต่อไปนี้
1)Negative Signals ที่ User มีต่อประชาสัมพันธ์ของคุณ อย่างเช่นผู้กระทำด “แอบซ่อนประชาสัมพันธ์” หรือการรายงานไปยัง Facebook ส่วนนี้จะก่อให้ Relevance Score ลดลง
2)Campaign Objective ถ้าพวกเรามีการเลือกวัตถุประสงค์ของ Campaign แล้วก็ทำมันเจริญที่ตรงนี้ก็จะนำมาใช้ในการเพิ่ม Relevance Score ได้ ได้แก่ เราเลือกจุดหมายของ Campaign เป็น Website Clicks โดยหวังให้มีคน Click ไปที่ Website เยอะที่สุด ยิ่งคน Click เยอะแค่ไหนค่า Relevance Score ก็จะสูงมากขึ้นเพียงแค่นั้น
3)”CTR” อัตราคนที่ Click เข้ามามองโฆษณายิ่งเยอะแค่ไหนยิ่งดี
4)Like, Comments, and Shares ทั้งผองนี้เรียกว่าจำนวน Engagements ยิ่งคนมีส่วนร่วมกับประชาสัมพันธ์ของเรามาก ซึ่งพูดได้ว่าประชาสัมพันธ์ Facebook ของเราได้รับความพอใจเป็นอย่างดี จะก่อให้ Relevance Score สูงมากขึ้น
พอเพียงจะได้ข้อมูลกันแล้วนะขา ว่าสถิติตัวไหนเป็นอย่างไรบ้าง ต่อนี้ไปก็เหลือแค่การนำไปใช้ โดยแม่ค้าอยากจะฝากไว้ว่า “การตลาดในทุกวันนี้ ไม่มีสูตรสำเร็จ ทุกๆอย่างล้วนจะต้องลองถูกลองผิด และประเมินผลอย่างสม่ำเสมอ”
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง :
วิธีขายสินค้าออนไลน์ขอบคุณบทความจาก :
http://xn--22cap6ea7bify1fba3dza2p0cvcze.blogspot.com/Tags : เริ่มต้นขายของออนไลน์,วิธีขายสินค้าออนไลน์
