ชนิดของการเสริมหน้าอก การดูแลตัวเองทั้งก่อนทำและหลังทำ
วิธีดูแลตนเองก่อนทำและหลังทำหน้าอก พร้อมข้อมูลประเภทของซิลิโคน
ขนาดหน้าอกเล็กเป็นอีกปัญหาที่ทำให้เหล่าสาว ๆ หลายคนขาดความั่นใจในรูปร่างของตัวเอง ซึ่งแต่ละคนท่านก็มีวิธีแก้ปัญหาที่ต่างกันไป อาทิ การใส่เสื้อผ้าที่ช่วยเสริมทรวดทรงรูปร่าง การใส่ชุดชั้นในที่มีฟองน้ำเพื่อให้ขนาดหน้าอกดูใหญ่ขึ้น และอีกวิธีที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน รวมทั้งเป็นการศัลยกรรมที่ได้รับความนิยมอันดับต้นๆ ของประเทศไทยด้วย นั่นก็คือ การ
เสริมหน้าอก หรือเรียกง่ายๆว่า "ทำนม" นั่นเอง
ประเภทของซิลิโคนเสริมหน้าอก
ซิลิโคน
เสริมหน้าอกจะแบ่งเป็น 3 ชนิดคือ
- ซิลิโคนเจล (Silicone Gel) ซึ่งจะมีรูปทรงให้เลือก 2 ชนิดคือ ทรงกลมและทรงหยดน้ำ ยิ่งไปกว่านี้ยังมีพื้นผิวนอกแบ่งออกเป็น 2 ชนิดด้วย ได้แก่
-- พื้นผิวหยาบ หรือผิวทราย (Textured) เป็นพื้นผิวซิลิโคนที่ได้รับความนิยมที่สุด เพราะช่วยลดการเกิดพังผืดหดรัด และยังยึดเกาะได้ดีอีกด้วย
-- พื้นผิวเรียบ (Smooth) เป็นพื้นผิวซิลิโคนที่ดูเป็นธรรมชาติกว่า นิ่มเหมือนผิวหน้าอกจริงๆ มากกว่า
- ซิลิโคนน้ำเกลือ (Saline) เป็นถุงซิลิโคนที่ภายในบรรจุน้ำเกลือเอาไว้ จุดเด่นของซิลิโคนแบบนี้คือ ยังสามารถเติมน้ำเกลือเพื่อเพิ่มขนาดของซิลิโคนให้ใหญ่ขึ้นได้ก่อนการผ่าตัด และยังมีความปลอดภัยกว่าหากซิลิโคนเกิดการฉีกขาด เนื่องด้วยน้ำเกลือที่อยู่ภายในซิลิโคนจะถูกร่างกายดูดซึมและขับออกไปเอง
- ซิลิโคนถุงเบคเกอร์ (Becker) เป็นซิลิโคนที่เกิดการผสมกันระหว่างถุงน้ำเกลือและถุงซิลิโคนเจล ซึ่งมีให้เลือก 2 แบบคือ
-- แบบเจล 25% กับน้ำเกลือ 75%
-- แบบเจล 50% กับน้ำเกลือ 50%
เสริมหน้าอกอย่างไหนดี จุดแข็งข้อด้อยของแต่ละแบบเป็นเช่นไร
1. เสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนทรงกลม
การเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนทรงกลม (Round Implant) : เป็นการเสริมหน้าอกที่ตัวซิลิโคนเสริมหน้าอกจะมีลักษณะกลมและมีขอบโค้งมน เหมาะสำหรับผู้หญิงที่พื้นฐานมีเนื้อหน้าอกบ้างอยู่แล้ว แต่ต้องการเพิ่มขนาดและความชัดของหน้าอกมากขึ้น หรือผู้หญิงที่มีปัญหาหน้าอกหย่อนยาน เต้านมไม่สมมาตรกัน ก็จะมีความเหมาะสมกับหน้าอกทรงกลมมากกว่า
-- จุดดีของหน้าอกทรงกลม: มีความยืดหยุ่นมากกว่า และนิ่มเป็นธรรมชาติ รวมทั้งผู้เข้ารับบริการสามารถเลือกได้ด้วยว่าอยากจะให้ลักษณะผิวซิลิโคนเป็นแบบเรียบ หรือแบบหยาบ
-- จุดด้อยของหน้าอกทรงกลม: เจลภายในซิลิโคนทรงกลมจะเหลวกว่าซิลิโคนทรงหยดน้ำ ทำให้เวลาผู้เข้ารับบริการยืนหรือนั่ง เจลภายในก็จะไหลไปรวมกันอยู่ที่ส่วนล่างของหน้าอกมากกว่า และผู้เข้ารับบริการบางรายอาจมีร่องรอยขอบของซิลิโคนให้เห็นชัดเจน เนื่องจากมีขนาดหน้าอกบาง หรือมีการเพิ่มขนาดหน้าอกที่ใหญ่เกินไป
2. เสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนทรงหยดน้ำ
การเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนทรงหยดน้ำ (Shaped Implant) : ตัวซิลิโคนเสริมหน้าอกทรงนี้จะมีลักษณะแบนในช่วงบนแล้วจะป่องในช่วงล่าง คล้ายกับรูปร่างของหยดน้ำนั่นเองและเป็นการเลียนแบบลักษณะเต้านมตามธรรมชาติของผู้หญิงด้วย การทำหน้าอกทรงนี้จะเหมาะกับสาวๆ ที่มีขนาดหน้าอกเล็กอยู่แล้ว และต้องการเพิ่มขนาดให้หน้าอกดูใหญ่แต่เป็นธรรมชาติมากกว่า
-- ข้อดีของหน้าอกทรงหยดน้ำ: เหมาะกับผู้เข้ารับบริการที่ต้องการเพิ่มขนาดหน้าอกในปริมาณที่ไม่มาก และต้องการให้หน้าอกดูเป็นธรรมชาติ ไม่ดูเป็นเต้าทรงกลมเกินไป และตัวซิลิโคนของหน้าอกทรงหยดน้ำจะมีความแข็งคงรูปมากกว่า ไม่เหมือนแบบทรงกลมที่จะเป็นเจลเหลวภายใน ทำให้เวลาผู้เข้ารับบริการยืนหรือนั่ง ขนาดหน้าอกก็จะดูทรงสวยเหมือนเดิมตลอด
-- ข้อด้อยของหน้าอกทรงหยดน้ำ: ด้วยตัวซิลิโคนที่แข็งกว่า ทำให้เวลาสัมผัสหน้าอกจะรู้สึกได้ถึงความแข็งของซิลิโคนที่ไม่นิ่มเหมือนเนื้อหน้าอกธรรมชาติ และซิลิโคนของหน้าอกทรงหยดน้ำจะไม่มีความยืดหยุ่นแบบซิลิโคนทรงกลมด้วย
เข้าอ่านบทความเรื่องเสริมหน้าอก ต่อได้ที่ เว็บไซต์ :
https://www.honestdocs.co/what-kind-of-chest-how-to-choose-a-size
