แนวทางการรักษา โควิด-19 ด้วยยาแพทย์แผนไทย
โรคติดเชื้อในปัจจุบัน กับตำรายา”ตักศิลา”ที่สาบสูญ สู่จากรึกวัดโพธิ์ในรัชกาลที่3ความจริงแล้วคัมภีร์ยาตักศิลาไม่ได้สาบสูญไปไหน เพียงแต่คนในปัจจุบันไม่ทราบว่าจะเอายาตำรับไหนในตำรามาใช้กับโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) เลยมีความไม่ชัดเจนในการรักษา คนไข้จึงเอายาบางตัวที่อยู่ในกระแสที่มีสรรพคุณแก้ไข้เพียงอย่างเดียวมาใช้รักษา แต่ไม่สามารถควบคุมอาการของโรคอยู่ได้
เนื่องจากตามตำราบอกไว้ว่าไข้ตัวนี้มีพิษ ต้องใช้ตัวยาที่มีรสเบื่อเมาจึงจะสามารถฆ่าได้ แต่ยาตำรับอื่น ๆ เช่น ยามหานิลก็ดี ยาจันทลีลาก็ดี เหล่านี้ไม่ได้เป็นยารสเบื่อเมา จึงรักษาไข้พิษที่รุนแรงตัวนี้ไม่ได้ จึงต้องใช้
ยาขาว ตำรับเดียวเท่านั้นในการรักษา
วันนี้เราจะตามไปขอความรู้เรื่องนี้กับ คุณอาหมอฉัตร, พทป.ดร.ฉัตร์วนิชย์ พวงมาลัย แพทย์แผนไทยประยุกต์ พวงมาลัยติกิจฉาสหคลินิค (คลินิกบ้านหมอชอน จ.เพชรบุรี) ซึ่งเป็นแพทย์รุ่นที่ 4 จาก 5 รุ่น ของตระกูลยาจากเพชรบุรี ที่ส่งต่อคัมภีร์ยามากว่า 300ปี กันครับ
คุณอาหมอครับ โควิดในการแพทย์แผนไทย คืออะไรครับ : โควิดไม่ใช่เรื่องใหม่ของโลกนะคะ ไข้นี้เกิดจาก “ไข้เหนือ”และ”ไข้ป่า”ผสมกัน โดยตัวไข้เหนือเอง เกิดจากการที่เชื้อพิษของไข้เคลื่อนกระจายมาตามป่าซึ่งมีความชื้น มีเชื้อโรคเยอะ มาจับรวมตัวกับไข้ป่าและไข้จับสั่น และกระจายผ่านมาเรื่อย ๆ จากนั้นจึงแพร่เชื้อไปยังประเทศต่างๆ โดยโบราณไข้นี้จะเกิดระบาดขึ้นใน 2 ฤดู ฤดูแรกที่มักระบาดคือหน้าหนาว (ปลายฝนต้นหนาว) ยาวไปจนถึงหน้าร้อน 1 ครั้ง, และฤดูที่สองที่มักระบาด คือหน้าร้อน (ปลายร้อนต้นฝน) ยาวไปถึงหน้าฝนอีก 1 ครั้ง ซึ่งในการระบาดในหน้าร้อนจะรุนแรงกว่า
เห็นคุณอาหมอพูดถึงยาขาวใน
คัมภีร์ตักศิลา ยาขาว ดียังไงครับ :
ยาขาว จะป้องกันไม่ให้เชื้อวิ่งไปที่ปอด ซึ่งเชื้อตัวนี้จะวิ่งไปทั้งหมด 4 ที่ ได้แก่ ปอด หัวใจ ม้าม และลำไส้ ซึ่งหากเป็นช่วงหน้าหนาวไปหน้าร้อน เชื้อจะวิ่งไปที่ตับแทนลำไส้ แต่เนื่องจากฤดูนี้ร้อน เชื้อจะวิ่งไปที่ลำไส้ด้วย เพราะฉะนั้นเราจะเห็นว่าบางคนมีอาการถ่ายท้อง หมายถึงว่าเชื้อวิ่งไปยังลำไส้แล้ว และผู้ป่วยที่ติดเชื้อทุกรายปอดจะเสียหาย เพราะเชื้อทำลายปอดอย่างรุนแรงด้วยความร้อนตัวนี้ การรักษานอกจากจะให้ยาครอบไข้แล้ว ยังต้องให้ยารักษาปอด เพื่อไม่ให้เกิดเป็นแผลเป็นหรือรอยโรคภายในปอด จากนั้นจึงให้ยาบำรุงหลังจากที่ฟื้นไข้ เราเรียกว่าเป็นส่าไข้ ให้ทานยาบำรุงร่างกายอีกชุดหนึ่งจนกว่าร่างกายคนไข้จะหาย 100 เปอร์เซ็นต์
และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งข้อมูลดีๆ ที่นำมาเล่าสู่กันฟังในวันนี้นะครับ เป็นความรู้จากการแพทย์อีกด้านหนึ่งที่เราไม่ค่อยได้รับทราบกัน ก็ขอฝากไว้ให้ท่านผู้อ่านพิจารณาเป็นทางเลือกกันนะครับ