รับทำSEOราคาถูก, โปรโมทเว็บ, รับจ้างโฆษณาสินค้า

อุปกรณ์ออกบูธ, บูธสำเร็จรูป

รับทำseoราคาถูก, รับดันอันดับเว็บ, รับโปรโมทเว็บราคาถูก รับติดแบนเนอร์ รับติดแบนเนอร์ รับติดแบนเนอร์ รับติดแบนเนอร์ รับติดแบนเนอร์

รับติดแบนเนอร์ ตอกเสาเข็ม, ขายเสาเข็ม, ขายแผ่นพื้น, ปั้นจั่น, รับผลิตเสาเข็ม รับติดแบนเนอร์ ไนโตรเจนเหลว รับติดแบนเนอร์ รับติดแบนเนอร์

รับทาสีอาคาร รับติดป้ายแบนเนอร์ ป้ายโฆษณา รับติดแบนเนอร์ รับติดป้ายแบนเนอร์ ป้ายโฆษณา รับติดตั้งตาข่ายกันนก รับติดแบนเนอร์

รับทำseoราคาถูก, รับโปรโมทเว็บไซต์, รับดันอันดับเว็บไซต์, รับทำเว็บไซต์, ออกแบบเว็บไซต์ราคาถูก, รับประกันติดgoogle

ผู้เขียน หัวข้อ: ตรวจอาการเบื้องต้นด้วยตนเอง: ไขสันหลังได้รับบาดเจ็บ (Spinal cord injury)  (อ่าน 17 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

siritidaphon

  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2763
  • รับโปรโมทเว็บ รับโพสต์เว็บราคาถูก โปรโมทเว็บ www.posthitz.com
    • ดูรายละเอียด

Permalink: ตรวจอาการเบื้องต้นด้วยตนเอง: ไขสันหลังได้รับบาดเจ็บ (Spinal cord injury)
ตรวจอาการเบื้องต้นด้วยตนเอง: ไขสันหลังได้รับบาดเจ็บ (Spinal cord injury)

การบาดเจ็บที่บริเวณคอหรือหลัง อาจทำให้ประสาทไขสันหลังได้รับบาดเจ็บ เป็นเหตุให้เกิดอาการอัมพาตของแขนขาทั้ง 4 ข้าง (quadriplegia) หรือขา 2 ข้าง (paraplegia) ส่วนใหญ่พบเป็นภาวะแทรกซ้อนของผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุจราจร และการตกจากที่สูง มักพบในผู้ชายอายุ 15-35 ปี


สาเหตุ

ส่วนใหญ่เกิดจากอุบัติเหตุร้ายแรง ได้แก่ รถชน รถคว่ำ ตกจากที่สูง ถูกของหนักหล่นทับ เป็นต้น นอกจากนี้ยังอาจเกิดจากการถูกยิง ถูกแทงเข้าไขสันหลัง ทำให้ประสาทไขสันหลังได้รับการกระทบกระเทือน ฟกช้ำ เลือดออกหรือฉีกขาด ทำให้เกิดอาการอัมพาตของแขนขา 2 ข้างทันที


อาการ

ถ้าบาดเจ็บตรงระดับเอว ขาทั้ง 2 ข้างมักจะชา กระดุกกระดิกไม่ได้ ถ่ายปัสสาวะและอุจจาระเองไม่ได้ อวัยวะเพศทำงานไม่ได้ เช่น องคชาตไม่แข็งตัว

ถ้าบาดเจ็บตรงระดับคอ จะมีอาการอัมพาตของแขนทั้ง 2 ข้างร่วมกับขาทั้ง 2 ข้าง และถ้ากระทบกระเทือนถูกส่วนที่ควบคุมการหายใจ ผู้ป่วยจะหายใจไม่ได้ และถ้าไม่ได้รับการช่วยเหลืออาจเสียชีวิตในเวลารวดเร็ว

โดยทั่วไปผู้ป่วยมักจะมีความรู้สึกตัวดีเหมือนคนปกติ


ภาวะแทรกซ้อน

ผู้ป่วยที่เป็นอัมพาตนาน ๆ อาจมีแผลกดทับ (bed sores) หรืออาจเป็นโรคติดเชื้อ (เช่น ปอดอักเสบ ทางเดินปัสสาวะอักเสบ) ได้ง่าย


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยเบื้องต้นจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกาย ซึ่งจะตรวจพบขา 2 ข้าง หรือแขนขาทั้ง 4 ข้างเป็นอัมพาตและชา (ไม่รู้สึกเจ็บเวลาถูกเข็มจิ้ม)

แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัดโดยทำการตรวจพิเศษเพิ่มเติม เช่น เอกซเรย์กระดูกสันหลัง ถ่ายภาพไขสันหลังด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า หรือเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ ถ่ายภาพรังสีไขสันหลังโดยการฉีดสารทึบรังสี (myelography) เป็นต้น

การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะรับตัวไว้รักษาในโรงพยาบาล ให้การรักษาตามอาการและการรักษาแบบประคับประคอง เช่น ถ้ากินอาหารไม่ได้ ให้น้ำเกลือ หรือให้อาหารทางสายยางหรือทางหลอดเลือดดำ, ถ้าหายใจไม่ได้ ใช้เครื่องช่วยหายใจ, ถ้าปัสสาวะไม่ได้ ใส่สายสวนปัสสาวะ เป็นต้น

แพทย์จะให้สเตียรอยด์ฉีดเข้าหลอดเลือดดำเพื่อลดอาการบวม ช่วยให้ฟื้นตัวดีขึ้น ถ้าจะให้ได้ผลดีต้องให้ภายใน 8 ชั่วโมงหลังบาดเจ็บ และให้ติดต่อกันนาน 24 ชั่วโมง

นอกจากนี้ จะทำการรักษาโดยใช้น้ำหนักดึงถ่วง (traction) ให้ข้อกระดูกที่เคลื่อนเข้าที่ หรือป้องกันไม่ให้ข้อกระดูกสันหลังเคลื่อนหรือกดทับไขสันหลัง บางรายอาจต้องทำการผ่าตัดสันหลัง เพื่อแก้ไขความผิดปกติและทำการเชื่อมต่อข้อกระดูกสันหลัง

ผู้ป่วยจำเป็นต้องนอนพักรักษาอยู่ในโรงพยาบาลอยู่นาน หลังจากนั้นแพทย์จะทำการฟื้นฟูสภาพด้วยกายภาพบำบัด และใช้อุปกรณ์หรือรถเข็นช่วยในการเคลื่อนไหวของผู้ป่วย

ผลการรักษา ขึ้นกับความรุนแรงของโรค ถ้าไขสันหลังได้รับการกระทบกระเทือนหรือบาดเจ็บไม่มาก ก็มีโอกาสฟื้นคืนความแข็งแรงได้ โดยสังเกตว่า ถ้าผู้ป่วยสามารถขยับแขนขาและมีความรู้สึกเจ็บกลับคืนมาภายใน 1 สัปดาห์ก็อาจมีทางหายได้

แต่ถ้าประสาทไขสันหลังถูกทำลาย อาการอัมพาตก็มักจะเป็นอย่างถาวร โดยที่อาการจะไม่ดีขึ้นเลยภายหลังบาดเจ็บ 6 เดือนไปแล้ว

ในรายที่มีการบาดเจ็บตรงคอ ซึ่งมีอาการอัมพาตหมดทั้งแขนขา 4 ข้าง และไม่สามารถหายใจได้เอง หากเป็นอัมพาตอย่างถาวร ก็ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจประทังชีวิต ผู้ป่วยจะมีชีวิตอยู่ได้ระยะหนึ่ง และมักเสียชีวิตด้วยภาวะติดเชื้อ (เช่น ปอดอักเสบ) แทรกซ้อน

การดูแลตนเอง

หากได้รับบาดเจ็บรุนแรงตรงบริเวณคอหรือหลัง ควรทำการปฐมพยาบาลและรีบนำผู้ป่วยไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลโดยเร็ว

เมื่อตรวจพบว่าเป็นไขสันหลังได้รับบาดเจ็บ ควรดูแลรักษาและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์

เมื่อได้รับการรักษาจนสามารถกลับมาพักฟื้นที่บ้าน ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    กินยาตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด
    ฝึกทำกายภาพบำบัดอย่างต่อเนื่องตามคำแนะนำของแพทย์/นักกายภาพบำบัด
    ในกรณีที่นอนติดเตียง ควรใช้ที่นอนที่ลดแรงกดทับ (เช่น ที่นอนน้ำ ที่นอนลม) และผู้ดูแลควรทำการพลิกตัวผู้ป่วยทุก 2 ชั่วโมงเพื่อป้องกันแผลกดทับ
    ระมัดระวังในการป้อนอาหารแก่ผู้ป่วย อย่าให้สำลัก
    ถ้ามีสายสวนปัสสาวะ หรือสายป้อนอาหาร (ที่ใส่ผ่านจมูกเข้าไปที่กระเพาะอาหาร) ควรดูแลให้สะอาดปลอดภัยตามตามคำแนะนำของแพทย์/พยาบาล

ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    มีไข้สูง หนาวสั่น ท้องเดิน หรืออาเจียน
    ปวดศีรษะรุนแรง สับสน ซึม ไม่ค่อยรู้สึกตัว หรือหายใจหอบหรือลำบาก
    กินอาหาร หรือดื่มน้ำได้น้อย
    มีแผลกดทับเกิดขึ้น
    ยาหายหรือขาดยา
    มีอาการสงสัยว่าเป็นผลข้างเคียงจากยาหรือแพ้ยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม เหนื่อยหอบ หรือหายใจมีเสียงดังวี้ด ๆ ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน เป็นต้น
    มีความวิตกกังวล

การปฐมพยาบาลสำหรับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บที่คอและหลัง

1. ถ้าผู้ป่วยหายใจไม่ได้เนื่องจากไขสันหลังส่วนคอได้รับบาดเจ็บ ให้ทำการผายปอดด้วยการเป่าปากจนกว่าจะถึงโรงพยาบาล

2. ในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย ควรกระทำดังนี้

    ห้ามยก แบก หรือหามผู้ป่วยโดยตรง อาจทำให้ไขสันหลังได้รับอันตรายมากยิ่งขึ้น
    พยายามให้ผู้ป่วยนอนราบ ให้ศีรษะ คอ และลำตัว ตั้งอยู่ในแนวตรงกันเสมอ ถ้าจำเป็นต้องขยับตัวผู้ป่วยให้ใช้ผู้ช่วยอย่างน้อย 3 คน ขยับศีรษะ คอ ลำตัวไปพร้อม ๆ กัน โดยพยายามให้ทุกส่วนอยู่ในแนวที่ตรงกัน (อย่าให้บิดเบี้ยว)
    เคลื่อนย้ายผู้ป่วย โดยให้ผู้ป่วยนอนหงายบนแผ่นกระดานแข็ง ๆ (เช่น โต๊ะ บานประตู) พันตัวผู้ป่วยไว้กับแผ่นกระดาน เพื่อป้องกันมิให้ผู้ป่วยพลิกตัว
    ถ้าสงสัยกระดูกต้นคอหัก ควรใช้กระดาษแข็ง หนังสือพิมพ์ หรือผ้าพับม้วนเป็นทบแล้วสอดเข้าใต้คอผู้ป่วย ทำเป็นปลอกคอใส่ไว้ เพื่อป้องกันมิให้คอขยับเขยื้อนเกิดอันตรายได้ เคลื่อนย้ายผู้ป่วยโดยให้นอนหงายบนแผ่นกระดานแข็ง และวางถุงทรายหรืออิฐขนาบระหว่างคอผู้ป่วยเพื่อมิให้ผู้ป่วยเอี้ยวหรือบิดคอ


การป้องกัน

การป้องกันไม่ให้ไขสันหลังได้รับบาดเจ็บที่สำคัญก็คือ การป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุบัติเหตุจราจร และการตกจากที่สูง

ข้อแนะนำ

1. เมื่อพบผู้ป่วยได้รับบาดเจ็บตรงบริเวณคอหรือหลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสงสัยอาจมีกระดูกคอหรือกระดูกหลังหัก หรือไขสันหลังได้รับการกระทบกระเทือน ควรระมัดระวังในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย เพื่อป้องกันมิให้ไขสันหลังได้รับอันตรายมากขึ้น

2. ผู้ป่วยไขสันหลังได้รับบาดเจ็บ มักได้รับการรักษาจนปลอดภัย แต่อาจมีความพิการ เดินไม่ได้ ซึ่งผู้ป่วยมักมีความรู้สึกท้อแท้ ซึมเศร้า ควรให้การดูแลปัญหาด้านจิตใจควบคู่กับด้านร่างกายพร้อม ๆ กันไป หาทางปลอบขวัญและให้กำลังใจ รวมทั้งเปิดโอกาสให้พบปะแลกเปลี่ยนกับกลุ่มผู้ป่วยแบบเดียวกัน (กลุ่มเพื่อนช่วยเพื่อน) เพื่อให้การช่วยเหลือและส่งเสริมกำลังใจซึ่งกันและกัน

อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยยังมีสติปัญญา และมือ 2 ข้างเป็นปกติดี สามารถนั่งรถเข็นหรือขับรถเดินทางไปไหนมาไหน ทำงานด้วยมือ 2 ข้าง มีอาชีพและคุณภาพชีวิตที่ดีได้



โปรโมทเว็บ โฆษณาสินค้าออนไลน์ ประกาศขายสินค้าฟรี รับจ้างโพสเว็บ รับทำSEOราคาถูก